กว่าจะมาเป็นนักบรรพชีวิน(แบบผม) ๑)

กว่าจะมาเป็นนักบรรพชีวิน(แบบผม) ๑)

ขออนุญาตบ่นเรื่องราวชีวิต โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเรียนและการวิจัยในสายงานด้านบรรพชีวินของผมนะครับ ที่มีทั้งความสุขปนเศร้าและกังวล และหลายๆอย่าง ฮ่าๆ ชีวิตนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ กว่าที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และกว่าจะทำได้ตามเป้าที่วางไว้ในแต่ละขั้นตอนของชีวิต นึกถึงเพลงของบอดี้สแลมท่อนนี้แฮะ “ชีวิตทำไมยากเย็นขนาดนั้น สองมือจะมีเรี่ยวแรงขนาดไหน แต่หัวใจของคน ยังยืนยันจะไม่ถอดใจ…” เอิ๊กๆ

ขอข้ามไปตอนที่ผมหาที่เรียนต่อปอเอกก่อนเลยนะครับ เพราะเพิ่งสดๆร้อนๆ

หลังจากฝ่าฟันจนอาจารย์รับทำเอก ปัญหาต่อไปคือหัวข้อทีสิส อาจารย์ท่านเชี่่ยวด้านสัตว์เลื้อยคลานในทะเล กับการศึกษาไดโนเสาร์โดยใช้เทคนิก bone histology ส่วนผมสนใจและอยากศึกษาพวกไดโนเสาร์กินเนื้อเน้นวิธีโบราณคือดูกายวิภาคเป็นส่วนใหญ่บวกกับการศึกษาสายวิวัฒนาการ(phylogeny) แต่ด้วยความที่โม้แกไว้เยอะเรื่องสัตว์เลื้อคลานในทะเลจากเมืองไทย ด้วยหวังอยากให้แกรับๆผมไว้ก่อน หัวข้อไว้ทีหลัง แต่จารย์ดันสนใจหัวข้อนี้ขึ้นมาจริงๆ คราวนี้ก็เลยต้องไปไฝว้กันล่ะครับ ผมก็ยืนยันความต้องการของผมไป จารย์ก็พอเข้าใจเพียงแต่ยังไม่เห็นภาพ เลยให้เวลาผมไปสองอาทิตย์ เขียนเค้าโครงงานวิจัยมาสองหน้า แล้วมาคุยกัน

ค่อนข้างเครียดและกดดันมาสักพักใหญ่ๆ แต่ผมมีข้อมูลแน่นปึ๊ก โดยเฉพาะจากบันทึกเล่มเก่าสมัยปอตรี ไม่นึกว่ามันจะยังมีประโยชน์และสามารถช่วยชีวิตผมได้อีกในเวลาเกือบเจ็ดแปดปีให้หลัง ต้องขอบคุณบรรดาอาจารย์ รุ่นพี่ และทีมงานสมัยนั้นที่ให้โอกาสผมเข้าไปลูบๆคลำๆฟอซซิลที่กาฬสินธุ์ รวมถึงตัวผมเองที่บ้าดูและบ้าจดๆๆๆทุกอย่างที่เห็นและคิดว่าน่าสนใจ

สรุปครับ ก็ผ่านมาอีกด่านหนึ่งของชีวิต อาจารย์ก็โอเคที่จะให้ผมศึกษาไดโนเสาร์กินเนื้อครับ ก้าวเล็กๆแต่สำคัญ สามสี่ปีต่อจากนี้ ถ้าได้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบก็คงทรมานแย่เนอะ

Leave a comment